วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความคิดเห็น



ที่เลือกทำเรื่องฟุตบอล เพราะว่ามีความชอบและสนใจในกีฬาฟุตบอล คอยติดตามดูนักเตะที่ชอบหรือทีมที่ชอบ จึงทำให้มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถดูและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ในการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

ครองโลก! เสือใต้กวาดทุกถ้วยเถลิงแชมป์สโมสรโลกอีก

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2013″ ที่สนามสต๊าด เดอ มาร์ราเกช เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อคโก เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นเกมในรอบชิงชนะเลิศ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่จากศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ในฐานะแชมป์ทวีปยุโรป ซึ่งเอาชนะ กว่างโจว เอเวอร์แกรนเด จากจีนที่เป็นแชมป์เอเชีย มาได้ในรอบตัดเชือก เจอกับ รายา คาซาบลังกา ทีมเจ้าภาพที่พลิกโค่น แอตเลติโก มิไนโร ยอดทีมจากบราซิล แชมป์อเมริกาใต้มาได้ในรอบรองชนะเลิศ

เริ่มครึ่งแรก เป็น บาเยิร์น ที่เล่นได้เหนือกว่า และได้ประตูนำห่างถึง 2-0 จาก ดันเต ในนาทีที่ 7 และ ติอาโก อัลคันทารา นาทีที่ 23 เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งคู่ไม่สามารถยิงกันเพิ่มได้ จบเกมเป็น บาเยิร์น เอาชนะไป 2-0 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

ซึ่งแชมป์สโมสรโลกครั้งนี้ถือเป็นแชมป์สโมสรโลกสมัยที่ 3 ของทีม เริ่มตั้งแต่ปี 1976 และ 2001 นับตั้งแต่ยังใช้ชื่อรายการว่า อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ // ขณะที่เกมอีกคู่ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด สโมสรจากจีน เอาชนะ อัตเลติโก มิเนโร จากบราซิล ไป 3-2 คว้าอันดับที่ 3 ไปครอง
บทสรุปฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013

ทีมชนะเลิศ ได้แก่ บาเยิร์น มิวนิค (แชมป์ยุโรป, เยอรมนี)

ทีมรองชนะเลิศ ได้แก่ รายา คาซาบลังกา (เจ้าภาพ, โมร็อกโก)

ทีมอันดับที่ 3 ได้แก่ แอตเลติโก มิเนโร (แชมป์อเมริกาใต้, บราซิล)

ทีมอันดับที่ 4 ได้แก่ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ (แชมป์เอเชีย, จีน)

ทีมอันดับที่ 5 ได้แก่ มอนเตร์เรย์ (แชมป์อเมริกาเหนือ, เม็กซิโก)

ทีมอันดับที่ 6 ได้แก่ อัล อาห์ลี (แชมป์แอฟริกา, อิยิปต์)

ทีมอันดับที่ 7 ได้แก่ อ๊อคแลนด์ ซิตี้ (แชมป์โอเชียเนีย, นิวซีแลนด์)


ลาห์ม คว้ารางวัลแฟร์เพลย์
หากนับเฉพาะในปี 2013 บาเยิร์น มิวนิก คว้าไปแล้ว 5 แชมป์

credit : Sport mthai

Goal Transfer List : สิบดีลแพงทะลุฟ้าแห่งปี 2013


ไม่ใช่แค่แกเร็ธ เบล แต่จากการค้นคว้าของเรา พบว่ามีถึง 6 ดีลที่มีมูลค่าทะลุร้อยล้านยูโรไปเรียบร้อยในปี 2013 และนี่คือ 10 ดีลที่มีมูลค่าสูงสุดของปี

เพื่อค้นหามูลค่าแท้จริงที่เกิดขึ้นในตลาดซื้อขายผู้เล่นระดับท็อปคลาส โกล ค้นคว้าและรวบรวมเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ จนได้มูลค่าสูงสุดของแต่ละสัญญาซื้อขายผู้เล่นในปี 2013 จนได้เป็น Goal Transfer List ประจำปีนี้

ในปีที่แกเร็ธ เบล ทุบสถิติการซื้อขายตัวผู้เล่นด้วยการไต่ขึ้นหลักร้อยล้านยูโรเป็นคนแรก แต่แท้จริงแล้ว หาเรานำเงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน, ภาษี, หรือเงินโบนัสต่าง ๆ มาคิดรวมแล้ว ก็จะพบว่า มีถึง 6 การซื้อขายในปี 2013 ที่ทำยอดทะลุร้อยล้าน

การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ทำให้เราพบว่า เงื่อนไขทางภาษีที่ต่างกันไปในแต่ละประเทศนั้น มีบทบาทสำคัญไม่น้อยในมูลค่ารวมที่ทีมต้องจ่ายเพื่อให้ได้ตัวนักเตะมา เช่นเดียวกับเงินกินเปล่าที่ต้องเสียให้กับนักเตะในการเซ็นสัญญา ค่าดำเนินการ และเงินส่วนแบ่งของเอเยนต์

ด้วยยอดรวมที่พุ่งสูงและพุ่งเร็วอย่างนี้ ทำให้เราเห็นแนวโน้นมของพฤติกรรมการจับจ่ายของทีมในระดับสูง ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เกรแฮม ชอว์ บรรณาธิการบริหารของโกล ให้ความเห็นว่า "Goal Transfer List บอกเราได้ถึงความนิยมในเกมฟุตบอลระดับสูง ที่ยังคงพุ่งขึ้นไปไม่มีหยุด

"สโมสรต่างรู้ดี ว่าการเซ็นสัญญาผู้เล่นระดับท็อป เป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนจากความสำเร็จทั้งในระดับประเทศ และในระดับทวีป"

และนี่คือทั้ง 10 ดีลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปี 2013 เตรียมพบกับสไลด์โชว์เจาะลึกทุกดีล และบทวิเคราะห์ต่าง ๆ จากเราได้ที่นี่



10 สุดยอดนักเตะของโลกในตอนนี้ !




10 สุดยอดนักเตะของโลกในตอนนี้!
สวัสดีปีใหม่ชาว FFLT ครับ! หวังว่าทุกคนคงจะมีความสุขไปกับช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมาและมีพลังงานพร้อมมากพอที่จะไล่ตามความฝันในการเป็นนักฟุตบอลที่ดีในปีหน้า ซึ่งทีมงานก็ขอร่วมอวยพรให้น้องๆทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้าครับ!
ประเดิมปีใหม่นี้ เรามีสกู๊ปพิเศษสำหรับ 10 อันดับสุดยอดนักเตะที่ถือว่าเก่งที่สุดของโลกในเวลานี้ โดยเป็นการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์ The Guardian สื่อคุณภาพคับแก้วจากประเทศอังกฤษ ซึ่งรับประกันความน่าเชื่อถือได้ครับว่าน่าจะเข้าตาพวกเรากันบ้างแน่นอน
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า 10 อันดับดังกล่าวนั้นมีใครบ้าง?

10. เอดินสัน คาวานี่
อายุ: 25
สัญชาติ: อุรุกวัย
ทีม: นาโปลี
 ไม่รู้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี จะรออะไรอยู่? สถิติ 94 ประตูจากการเล่น 92 นัด มันชัดเจนอยู่แล้วว่าหัวหอกชาวอุรุกวัยคนนี้เป็นกองหน้าระดับโลกตัวจริง ด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่ง ดุดัน เฉียบคม และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ทำให้แฟนชาวเนเปิ้ลส์ พร้อมมอบสมญานาม “อิล มาทาดอร์” ให้แก่ คาวานี่ เพื่อแสดงความรักต่อดาวยิงขวัญใจพวกเขา


9. ยาย่า ตูเร่
อายุ: 29
สัญชาติ: ไอวอรี่โคสต์
ทีม:แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 นับจากสิ้นยุคของ ปาทริค วิเอร่า ไปโลกฟุตบอลก็ขาดกองกลางตัวรับที่มีความครบเครื่องมากขนาดนั้นมาก่อน จนกระทั่งเราได้ค้นพบ ยาย่า ตูเร่ มิดฟิลด์ฉบับครบเครื่องที่นอกเหนือจากความแข็งแกร่ง รูปร่างที่สูงใหญ่ และความกล้าหาญ น้องชายของโคโล ตูเร่ ยังพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในเรื่องของทักษะการเล่น การสัมผัสบอลที่นิ่มนวล และจังหวะการเติมขึ้นมาทำประตูที่โดดเด่น เรียกว่าเก่งกว่าตอนที่อยู่กับบาร์เซโลน่าเสียอีก! และมันอาจจะเป็นการตอบคำถามว่าทำไมแมนฯซิตี้ ถึงยอมจ่ายค่าเหนื่อยแพงที่สุดให้กับนักเตะคนนี้


8. อันเดรีย ปีร์โล่
อายุ: 33
สัญชาติ: อิตาลี
ทีม: ยูเวนตุส
 จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารระดับตำนานของวงการฟุตบอลอิตาลี นิยามความยิ่งใหญ่ของ อันเดรีย ปีร์โล่ คนนี้เพียงสั้นๆว่า “เก่งเท่ากับเมสซี่” ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เรายิ่งเชื่อเข้าไปอีกถึงความเก่งกาจของกองกลางผู้เป็นคนนิยามบท “ตัวทำเกมจากแนวลึก” คนแรก โดยเฉพาะ “เท้าชั่งทอง” ที่สามารถเปิดบอลไกลอย่างแม่นยำราวจับวาง และลูกฟรีคิกระดับมิสไซล์นำวิถีที่กดเมื่อไหร่ก็พร้อมจะเข้าเป้าทุกครั้ง แม้วัยจะล่วงเลยถึง 33 ปี แต่ทุกวันนี้ ปีร์โล่ ก็ทำให้ทุกคนได้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่ายังไหวอยู่ กับการนำยูเวนตุส กลับมาผงาดเป็นทีมอันดับหนึ่งของอิตาลีอีกครั้ง ทำเอาทีมเก่าอย่างเอซี มิลาน หน้าชาเพราะเชื่อว่าหมดน้ำยาไปแล้วนั่นเอง


7. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
อายุ: 29
สัญชาติ: ฮอลแลนด์
ทีม: แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
 นับเป็นหนึ่งในนักเตะที่เป็นผลงานประติมากรรมชั้นเลิศจาก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือที่ปั้นเด็กเก่งที่สุดคนหนึ่ง เพราะสามารถเปลี่ยนนักเตะที่เคยถูกมองแค่ว่าเป็นตัวลีลาดีแต่ไม่มีประสิทธิภาพแถมยังเจ็บบ่อยและเป็นตัวปัญหา กลายเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในโลกคนหนึ่งเวลานี้ ผลงานยิงต่อเนื่องโดยที่แทบไม่มีอาการบาดเจ็บกลับมารังควาญอีกเลยและทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกสบายๆ เป็นเครื่องยืนยันว่านี่คือปีทองของ RVP อย่างชัดเจน (ว่ากันว่าเมื่อก่อนนี้ฟาน เพอร์ซี่ เป็นตัวแสบของทีมอาร์เซนอล จนกระทั่งวันนึงได้เห็นเดนนิส เบิร์กแคมป์ มาสอนเด็กๆจ่ายบอลให้แม่น ก็เลยกลับตัวกลับใจ เท่ไหมล่ะ!)



6. ราดาเมล ฟัลเกา
อายุ: 26
สัญชาติ: โคลอมเบีย
ทีม: แอตเลติโก มาดริด
 “เอล ติเกรส” หรือ “เสือสมิง” คือสมญาที่ทุกคนร่วมกันตั้งให้แก่ดาวยิงที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2012 ผู้ที่ก้าวขึ้นมาทาบรัศมีโคตรนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน ห้าวหาญ และการทำประตูที่แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ทำได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเท้าซ้าย เท้าขวา ยิงใกล้ ยิงไกล ฟรีคิก จุดโทษ ถ้าโรนัลโด้ คือ “หมายเลข 7” ที่เก่งที่สุด และเมสซี่ คือ “หมายเลข 10” ที่เก่งที่สุด ฟัลเกา ก็คือ “หมายเลข 9” ที่เก่งที่สุดในเวลานี้

5. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
อายุ: 31
สัญชาติ: สวีเดน
ทีม: ปารีส แซงต์ แชร์แมง
 ว่ากันว่าถ้าเป็นวันที่เขาอารมณ์ดี มีความสุขที่จะเล่นในสนาม ต่อให้เป็นลิโอเนล เมสซี่ ก็ไม่อาจจะแย่งชิงความโดดเด่นไปจากเขาได้ง่ายๆ เพราะนี่คือกองหน้าที่มีเทคนิคการเล่นสูงส่งที่สุดไม่แ้พใครในโลกนี้ เป็นนักเตะระดับโลกคนเดียวที่เราแทบจะพูดได้เต็มปากว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์จริงๆ และพร้อมจะสร้างความมหัศจรรย์ให้แฟนๆได้เห็นในสนามได้ทุกเมื่อ เหมือนที่ “โอเวอร์เฮดคิก” ใส่อังกฤษ ในวันที่ยิงคนเดียว 4 ประตูนั่นไง!



4. อันเดรียส อิเนียสต้า
อายุ: 28
สัญชาติ: สเปน
ทีม: บาร์เซโลน่า
 เซร์คิโอ รามอส เพื่อนร่วมทีมชาติสเปน แต่เป็นคู่แข่งจากทีมเรอัล มาดริด (เลือดข้นเสียด้วย!) ยังยอมรับ อิเนียสต้า ว่าเป็นนักเตะที่“บรรลุ” แล้ว และเป็นนักฟุตบอลที่ “มีสัมผัสแห่งพ่อมด” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้เห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา กับสัมผัสบอลที่นุ่มนวลชวนฝัน การครองบอลที่เหนียวแน่น การลากเลื้อยทะลุทะลวงที่เจ๋งยิ่งกว่าเมสซี่ และการจ่ายบอลคิลเลอร์พาสที่เหนือชั้นที่สุด ความเก่งกาจของนักเตะอัจฉริยะผู้เงียบขรึมคนนี้มันทำให้ทุกคนหนักใจหากต้องเลือกว่า เมสซี่ หรืออิเนียสต้า ใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน




3. ชาบี้ เอร์นานเดซ
อายุ: 32
สัญชาติ: สเปน
ทีม: บาร์เซโลน่า
 ครั้งนึง ชาบี้ เอร์นานเดซ เคยยอมรับว่าเขากังวลใจมากว่าจะเป็นนักเตะที่ถูกลืมเพราะเป็นกองกลางที่ดูด้อยไปกว่าคนอื่นเสียทุกเรื่อง เพราะเขาไม่สูง ไม่มีความเร็วปานจรวด หรือการยิงไกลที่หนักหน่วง แต่ผ่านมา 5 ปีจากวันนั้น ชาบี้ คือนักเตะที่โลกทั้งใบต่างสดุดีในฐานะกองกลางที่ “ฉลาด” ที่สุดในโลก เป็นนักเตะแห่งแรงบันดาลใจของกองกลางยุคสมัยใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่ แค่อ่านเกมให้ขาด ครองบอลให้ดี จ่ายบอลให้แม่นก็เพียงพอ และเราแทบจะกล่าวได้ว่าความสำเร็จของบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ในยุคนี้มันอาจไม่เกิดขึ้นหากไม่มี “สมองกล” อย่างชาบี้ คอยบงการเกมให้ และเชื่อกันว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นนักเตะสเปนที่เก่งที่สุดตลอดกาล


2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้
อายุ: 27
สัญชาติ: โปรตุเกส
ทีม: เรอัล มาดริด
 ในภาพเบื้องหน้าเราอาจเห็นเขาเป็นนักฟุตบอลที่ขี้เก๊ก มาดกวน และทะเยอทะยานที่สุดในโลก แต่ในอีกมุมหนึ่งนี่คือนักฟุตบอลที่โลกต้องคาวระคนหนึ่ง ในฐานะมนุษย์ธรรมดาที่พยายามก้าวทะยานผ่านขีดจำกัดทุกอย่างที่มี จากการเป็นปีกลูกเล่นเยอะลีลาจัดแต่ผอมบาง ก้าวมาเป็นตัวรุกที่สมบูรณ์แบบที่สุดและพร้อมลงเล่นในทุกตำแหน่ง ด้วยความเร็วที่ไม่แพ้มนุษย์ที่เร็วที่สุดในโลกอย่าง ยูเซน โบลต์ และพรสวรรค์ในการทำประตูที่น่าเหลือเชื่อ และในวัย 27 ปี โรนัลโด้ ยังคงไม่หยุดยั้งการพัฒนาของตัวเอง กับความฝันว่าสักวันโลกทั้งใบจะกลับมาสยบให้กับเขาอีกครั้งหลังจากที่โดนคู่แข่งแห่งยุคอย่าง เมสซี่ แย่งทุกสิ่งอย่างไป


1. ลิโอเนล เมสซี่
อายุ: 25
สัญชาติ: อาร์เจนติน่า
ทีม: บาร์เซโลน่า
 อันดับ 1 ที่ไม่มีใครกังขาอีกต่อไป กับสถิติ 91 ประตูตลอดทั้งปี นักฟุตบอลที่ไม่มีคำว่าขีดจำกัด และเก่งราวกับมาจากนอกโลก แม้มันน่าจะน่าเศร้าสำหรับยอดนักเตะอย่าง อิบราฮิโมวิช, ชาบี้, อิเนียสต้า และโรนัลโด้ แต่พวกเขาต้องยอมรับว่าเมสซี่ คืออันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริงของยุคนี้ และบางทีอาจจะเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลเหนือตำนานเก่าอย่าง เปเล่ และมาราโดน่า ก็เป็นได้



วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ให้เยอะตามฝีมือ! เป๊ป รวยเว่อร์รับค่าจ้างแพงสุดในโลก

highest-managers
พลูริ คอนซูลโทรเรีย เว็บไซต์อีโคโนมิคส์ของประเทศบราซิล ออกมาจัดอันดับผู้จัดการทีมฟุตบอล 30 อันดับแีรกที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกปี 2013 ซึ่งผลทีืออกมาเป็น โจเซป เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมาดเนี๊ยบของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่ปาดหน้าแซงแชมป์เก่า “มูมู่” โฆเซ่ มูรินโญ่ ไปที่รายได้ 17 ล้านยูโรต่อปี ส่วนกุนซือ มูรินโญ่ จากเชลซีนั้นรับอยู่ที่ 10.03 ล้านยูโรต่อปี และอันดับสามยังเป็นหน้าเดิม มาร์เซโล่ ลิปปี้ กุนซือชาวอิตาเลียนจากทีม กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ของประเทศจีนรับรายได้อยู่ที่ 10 ล้านยูโรต่อปี
ข้ามมาดูอีก 3 ทีมขวัญใจชาวไทยเริ่มที่ อาร์เเซน เวนเกอร์ กุนซือฉายาเจ๊ของ อาร์เซน่อล รับค่าจ้างอยู่ที่ 8.26 ล้านยูโรต่อปี ขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับรั้งอยู่ที่ 4 ต่อด้วย มานูเอล เปเญกรินี่ กุนซืออดีตสถาปนิกชาวชิลี ของแมนฯ ซิตี้ รับอยู่ที่ 4.16 ล้านยูโรต่อปี รั้งอยู่ในอันที่ 10 และสุดท้าย เบรนเเดน ร็อดเจอร์สกุนซือจอมแทคติกของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 3.89 ล้านยูโรต่อปี รั้งอยู่ที่ 12 ของโลกเหมือนปีที่แล้ว :)
Guangzhou Evergrande FC v Bayern Muenchen - FIFA Club World Cup Semi Final
โจเซป เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยังใหญ่ไม่พอ!บาร์ซ่าวางแผนขยายรังคัมป์นูหรือสร้างใหม่ไปเลย



ไม่รู้ความจุ 99,354 ที่นั่งในสนาม คัมป์นู ที่ครองแชมป์ความจุมากที่สุดในทวีปยุโรป ยังไม่พอใจบรรดาสาวกหรืออย่างไร เมื่อ บอร์ด บริหาร “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า มีแผนที่จะขยายความจุของสนามออกไปเป็น 105,000 ที่นั่ง พร้อมกับปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ ของสนาม หรือทำการสร้างสนามขึ้นมาใหม่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับที่เดิม โดยบอร์ดบริหารจะลงมติภายในช่วงต้นปีหน้าแม้ตัวเลขในบัญชีของทีมจะเป็นตัวสีแดงอยู่ แต่ทางฝ่ายบริหารของทีมยืนยันว่า ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ยังมีงบประมาณเพียงพอสำหรับการปรับปรุงรังเหย้าในครั้งนี้ได้แบบสบายๆ

อ้างอิง Sport :: mthai

กีฬาน่ารู้ : คัมป์ นู สุดยอดสนามบอลของบาร์เซโลน่า



หากจะให้กล่าวถึงสนามฟุตบอลที่แฟนบอลอยากไปที่สุดลิสรายชื่อสนาม 1 ใน 5 นั้น ต้องมีสนามคัมป์ นู รังเหย้าของทีมบาร์เซโลน่า ติดอยู่ในใจของแฟนบอลทั่วโลกอย่างแน่นอน เพราะด้วยความยิ่งใหญ่ในด้านความจุ บรรยากาศการเชียร์และรวมถึงผลงานของทีมบาร์เซโลน่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ :)


สำหรับ “คัมป์ นู” หรือผู้สื่อข่าวบางสำนักจะเรียกว่า “นู คัมป์” ก็แล้วแต่ นั้นตั้งอยู่ในแคว้นคาตาลัน เมืองบาร์เซโลน่า โดยคำว่า “คัมป์ นู” ในภาษาคาตาลัน นั้นแปลว่า “สนามแห่งใหม่”โดยมีชื่อเต็มๆอย่างเป็นทางการว่า เลสตาดิ คัมป์ นู (L’Estadi Camp Nou) เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1954 และแล้วเสร็จในปี 1957 ซึ่งเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกในวันที่ 24 ก.ย. 1957 โดยในพิธีเปิดมีศิลปิน ฮันเดล เมสไซอาห์ มาร่วมแสดง มีความจุมากถึง 98,787 คน (ถ้าเป็นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก จะลดลงเหลือ 96,636 ตามกฎมาตรการรักษาความปลอดภัยของยูฟ่า)
สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนสนามเดิมของบาร์เซโลน่า ที่ชื่อ “คัมป์ เด เลส คอร์ทส” ด้วยเหตุผลของบอร์ดบริหารที่ต้องการขยายสนามรองรับแฟนบอล แต่พื้นที่โดยรอบไม่สามารถขยับขยายพื้นที่ได้อีกแล้ว โดยเดิมถูกเรียกว่า เอสตาดิ เดล เอฟซี บาร์เซโลน่า แต่ท้ายที่สุดแล้วชื่อที่เรียกสั้นๆง่ายๆอย่าง คัมป์ นู ก็เป็นที่นิยมกว่า และถูกใช้เป็นชื่อสนามอย่างเป็นทางการมานับแต่นั้นเป็นต้นมา
ลายเก้าอี้ของสนามจะมีคำว่า “Més que un club” ที่มีความหมายว่า “เป็นมากกว่าสโมสร”
 สนามคัมป์ นู เป็นสิ่งที่ชาวคาตาลันนั้นภูมิใจที่สุด
Credit ::  Sportmthai